เนื้อเพลง ฮ่องเต้ ผู้โดดเดี่ยว Boy Imagine s กับ พี่เก่ง ( สีเชลโล่ )
ณ ท้องพระโรงอันเงียบงัน แสงจันทร์กระจ่างฟ้า ณ บัดนี้ลมยังคงโชยมิคลาย คล้ายดังไม่รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะเมื่อย้อนมองชีวิตที่ผ่านมา ข้าสูญเสียสิ่งใดไป ข้าได้สิ่งใดมา
ตัวข้าเกิดมาในราชวัง ผู้สืบทอดบัลลังก์ก็คือข้า ดุจดังนกที่บินบนฟ้า ผู้ใดเข้าใจ ทรัพย์สมบัติข้าทับซ้อน ญาติพี่น้องถักทอโดยอำนาจ ข้าเกิดมาในบรรยากาศเช่นนี้ ไม่มีผู้ใดให้เชื่อใจที่พอไว้ใจได้จริง เพราะในความเป็นจริงนี่คือเกมชิงบัลลังก์ ถ้าหากข้าจะมีความรักอย่างพี่น้องก็ไม่อาจมีคำว่าอำนาจ ถ้าคิดจะมีอำนาจ พี่น้องเครือญาติก็ไม่อาจจะมี เพราะว่าจุดที่สูงสุดนั้นมันมีได้เพียงผู้เดียว คือคนผู้เดียวดาย พี่น้องไม่อาจไว้ใจ ลูกและเมียไม่อาจไว้ใจ ตำแหน่งที่ข้ายืนไม่อาจไว้ใจผู้ใด
เพราะคนตายที่ข้าเคยเห็นอาจมากกว่าคนเป็นที่พวกเจ้าเคยเจอ คนบนบัลลังก์ไม่อาจแม้เพียงจะเผลอ วาจาเพียงไม่กี่คำ พฤติกรรมเพียงก้าวล่วง หัวคนนับไม่ถ้วนก็ต้องร่วงลงดิน กฎหมายไม่สำคัญ ถ้าสถานะมันนั้นคุกคามข้า ข้าให้จับคนหรือยังมากลัว ข้อหาไม่มี
ไม่ต้องมีศักดิ์รี ไม่ต้องมีหลักการ ใครทำงานตามนี้ได้ให้เป็นใหญ่ รอบตัวข้าพอเนิ่นนานไปมันจึงห้อมล้อมไปด้วยคนแบบนี้
บนจุดที่สูงสุดที่ข้ายืน ข้าเหมือนหลงลืมอะไรไปบางอย่าง บนเกมช่วงชิงอันยาวนานเกมนี้ ทั้งเล่ห์ร้ายกลอุบาย เบื้องบนยังไง เบื้องล่างก็ยังงั้น เจ้านายร้ายยังไง ลูกน้องก็เหมือนกัน ความเลวร้ายจึงทับถมดั่งสั่งสมเชื้อเพลิงไว้มากมาย ฟางเส้นสุดท้ายคือประกายไฟเพียงวูบเดียว จนไฟลุกโชน ลมพัดแรง การเปลี่ยนแปลงจึงสั่นไหว จนสายลมได้เปลี่ยนทิศไปมันก็ไม่มีใคร และเมื่อผลประโยชน์ได้เปลี่ยนทิศไปมันก็ไม่มีใครสนใจข้าอีก โอ.. สนใจข้าอีกเลย
สายลมแผ่วพลิ้วปลิวระคนแสงจันทร์กระจ่าง วันเวลาอันงดงามได้จบลงแล้ว ไม่มีอีกแล้วที่เคยหมอบคลานประจบเอาใจ ไม่มีอีกแล้วที่เคยเอ่ยคำจงรักภักดี มันไม่มีอีกแล้ว ข้าเพิ่งเข้าใจ ข้าเพิ่งเข้าใจ ที่เขาก้มหัวให้ไม่ใช่ฉัน ข้าเพิ่งเข้าใจที่เขาเคยเอาใจมิใช่เรา วันวานที่ท้องพระโรงยังแซ่ซ้องคำจงรักภักดี แต่จงรักภักดี คำคำนี้ไม่อาจกล่าวในยามสงบ จงรักภักดี คำคำนี้พิสูจน์ยามแผ่นดินเปลี่ยนเจ้าของ และยามที่ท้องพระโรงว่างเปล่าไม่มีผู้ใดเหลือ เพราะว่าใครจะมาขึ้นเป็นใหญ่ นายใหม่เป็นใครไม่สำคัญ ขอเพียงประกันตำแหน่งพวกเขานั้นอยู่ที่เดิม เพราะพวกเขาแค่เพียงออกความเห็น ส่วนข้านั้นเป็นคนเดิมพัน ถ้าชนะมาพวกเขาก็รับรางวัล ถ้าพ่ายพ้ขึ้นมา พวกเขาก็เปลี่ยนนาย โอ.. พวกเขาก็แค่เปลี่ยนนาย
เพราะว่าจุดที่สูงสุดนั้นมันมีแค่เพียงคนเดียว และเป็นคนเดียวที่ต้องจากไป ลูกน้องไม่ต้องไป ที่ปรึกษาก็ไม่ต้องไป คนที่จะต้องไปมีเพียงผู้เดียว
บนท้องพระโรงอันเงียบงัน ท่ามกลางแสงจันทร์กระจ่างฟ้า มันจึงมีข้าที่ยืนเดียวดายผู้เดียว สูงสุดที่ใฝ่ฝัน ทิวทัศน์บนนั้นมันงามจริงๆ หรือ คำตอบเป็นเช่นไรก็คงไม่สำคัญแล้ว ฟ้าใกล้จะสางแล้ว และนั่นคือเวลาที่ข้าต้องจาก ชะตากรรม บัลลังก์ คงยากจะเหนี่ยวรั้ง พออาคารใหญ่จะล้มลง เสาเพียงหนึ่งต้นไม่อาจค้ำ แต่ความเปลี่ยนแปลงที่มันเกิดขึ้นนั้น มันเพราะใคร
เพราะว่าข้ากุมกำลังทหาร กุมทั้งกำลัง ทั้งอำนาจ แต่ความเปลี่ยนแปลงมันยังคงซัดสาดจนพังทะลาย หรือที่เปลี่ยนแปลงมันไม่ใช่กฎหมาย กุศโลบาย หรือยุทธภัณฑ์ อันความเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงนั้นคือ คือใจคน คือคนปลายดอย คนป่าเขา คือชาวนา ข้าวกลางท้องนา มันคือนิสิตที่ท่องตำรา คือพ่อค้าแม่ค้าตามข้างถนน
หากว่าใจข้าพอจะมีพวกเขา ในใจพวกเขาคงพอจะมีข้า แต่กาลเวลานั้นได้ผ่านไปแล้ว ไม่หวนคืน
ข้ากวาดตามอง ณ ท้องพระโรงอันว่างเปล่า เหลียวมองดูทุกสิ่งที่เป็นของตัว โต๊ะไม้ บานประตู ที่ข้าเคยคุ้นตามาตั้งแต่เด็ก ราชบัลลังก์ ตราลัญชกร บัดนี้ถึงเวลาต้องเปลี่ยนเจ้าของ คมถ้อยคำแสนธรรมดาเริ่มชัดขึ้นมาให้ข้าได้เห็น ว่าตำแหน่งกษัตริย์นั้นผลัดกันเป็น ไม่มียกเว้น เป็นกฎเกณฑ์ธรรมดา พอข้ามองย้อนกาลเวลาน้ำตาก็ไหล
เพราะกว่าข้าจะรู้ตัวก็คือเมื่อถูกทิ้ง จึงได้พบความจริงในตอนสุดท้าย ว่าฮ่องเต้ในอีกความหมายคือผู้เดียวดาย สูงสุดในอีกความหมายคือผู้เดียวดาย คำว่าฮ่องเต้ในอีกความหมายคือผู้เดียวดายคนหนึ่ง คนหนึ่ง